สารอาหาร มีประโยชน์ ที่เด็กควรได้รับ

สารอาหาร มีประโยชน์ ที่เด็กควรได้รับ

Share : facebook share line share.png twitter share messenger share

บทความ แมนเนเจอร์

สารอาหาร มีประโยชน์ ที่เด็กควรได้รับ



อาหารที่เราทานทุกครั้งบนมื้ออาหาร แน่นอนว่าร่างกายต้องได้รับประโยชน์จาก สารอาหาร เหล่านี้ ยิ่งสำหรับวัยเด็ก สารอาหาร ที่สำคัญนั้นมีมากมายเหลือคณานับ เพื่อเข้าไปบำรุงสมองและสุขภาพร่างกายของพวกเขาเอง

 

     เมื่อเรามีลูก ทุกครั้งที่ได้ทานอาหารเข้าไป แน่นอนว่าเราย่อมต้องการอยากให้ลูกได้รับ สารอาหาร ที่สำคัญ แต่ก็คงมีบ้าง ที่ลูกเราอาจจะมีอาการเบื่ออาหารบ้าง ไม่อยากทานอาหารบ้าง ทำให้เราไม่สามารถป้อนสารอาหารที่สำคัญแก่ลูกเราได้อย่างที่ควรจะได้รับ และนี่ คือ สารอาหาร มีประโยชน์ ที่เราอยากแนะนำให้เด็กๆ ได้ทานเยอะๆ เพื่อสุขภาพร่างกายและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพของพวกเขา

 

สารอาหารจากเนื้อสัตว์

     ให้โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายให้ทำงานอย่างปกติ

 

     เด็กๆ ควรจะได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพจากไข่และเนื้อสัตว์ต่างๆ ถ้าไม่ติดมันก็จะดีมาก รวมไปถึงถั่วและธัญพืชต่างๆ สำหรับปริมาณเนื้อสัตว์ที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1 - 3 ขวบ ควรได้รับคือ วันละ 3 ช้อนกินข้าว

 

สารอาหารจากผัก

     มีสารอาหารสำคัญอย่างเกลือแร่ และแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเกลือแร่เป็นกลุ่มของสาร อนินทรีย์ ที่ร่างกายขาดไม่ได้ อีกทั้งยังมีเส้นใยที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายอีกด้วย

 

     เด็กๆ อาจกินผักยาก ดังนั้นคุณแม่จึงควรทำอาหารที่มีวัตถุดิบเป็นผักซ่อนอยู่ในเมนูอาหารต่างๆ เลือกใช้ผักให้หลากหลายสี เพื่อกระตุ้นให้ลูกอยากกินผักมากขึ้น สำหรับปริมาณผักต่างๆ ที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ขวบควรได้รับคือ วันละ 2 ทัพพี

 

สารอาหารจากผลไม้

     อุดมไปด้วยสารอาหารจำพวกวิตามินต่างๆ ที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังมีกากใยที่ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ โดยร่างกายของคนเราก็ไม่สามารถสร้างวิตามินขึ้นมาได้ จึงต้องกินผลไม้เพิ่มเข้าไปนั่นเอง

 

     คุณแม่สามารถเตรียมผลไม้ให้ลูก ได้ด้วยการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ใส่ไว้ในกล่อง แล้วเข้าตู้เย็น เวลาอาหารว่างหรือหลังมื้ออาหาร จะได้หยิบให้ลูกหยิบมาทานได้สะดวก แถมยังสดชื่นอีกด้วย

 

สารอาหารจากข้าว-แป้ง

 

     ข้าวและแป้ง จะให้คาร์โบไฮเดรตแก่ร่างกาย ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ให้พลังงาน และมีกลูโคสสำหรับการทำงานของสมอง แต่ถ้าเกิดได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามร่างกายและทำให้เกิดโรคอ้วน

 

     ดังนั้น เราจึงแนะนำให้เลือกข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลวีท ให้ลูกท่านทาน เช่น ข้าวกล้องลืมผัวออร์แกนิคบ้านธรรมชาติ ในเมล็ดของข้าวกล้องลืมผัว มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดการแข็งตัวของเลือด ลดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยบำรุงตับ และป้องกันโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย เพราะ อาหารเหล่านี้ มีคุณค่าทางสารอาหารที่มากกว่า แถมยังอยู่ท้อง ทำให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมสารอาหารไปใช้ อีกทั้งยังมีเส้นใยอาหารช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารและขับถ่าย และยังได้รับวิตามินแร่ธาตุอีกด้วย สำหรับปริมาณข้าวหรือแป้งที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ขวบควรได้รับคือ วันละ 3 ทัพพี

 

สารอาหารจากน้ำมัน

     กรดไขมัน ส่งผลต่อการทำงาน และเป็นแหล่งเก็บสำรองพลังงาน เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมันอย่าง วิตามินเอ, วิตามินอี, วิตามินดี, วิตามิน ด้วย

 

     เราควรให้ลูกทานน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม เลือกใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันรำข้าว และหากต้องการอาหารทอดที่กรอบ ไม่เหม็นหืนง่าย อีกทั้งยังมีไขมันอิ่มตัวตลอดเวลา แนะนำ น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคสำหรับปรุงอาหาร ( Coconut Cooking Oil ) ไขมันอิ่มตัวที่มีความแตกต่างจากไขมันอิ่มตัวจากพืชและสัตว์อื่นๆ เพราะเป็นกรดไขมันที่มีโมเลกุลขนาดกลาง ( Medium Chain Fatty Acid ) และในขณะที่กรดไขมันอิ่มตัวนั้น องค์ประกอบหลักในไขมันพืชและสัตว์ จะกลายเป็นกรดไขมันที่มีโมเลกุลยาว ( Long Chain Fatty Acid ) จะสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านผนังลำไส้เล็กและลำเลียงไปที่ตับ โดยไม่ต้องผ่านการย่อย แล้วเด็กๆ จะได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างครบครัน

 

     และนี่คือ สารอาหาร จำเป็นที่เด็กๆ ควรจะได้รับ เพื่อเข้าไปเสริมสร้างบำรุงร่างกายเด็กๆ ให้มีการพัฒนาทั้งทางด้าน สมอง ร่างกาย และสติปัญญา เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป อย่างมีคุณภาพ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก parentsone

 

อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ

- หลากหลายคุณประโยชน์ จาก Omega 3


บทความที่น่าสนใจ

เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) กับโรค SBS

อุบัติเหตุทางตาที่วัยทำงานควรระวัง